ผู้จัดทำ
นายพาห์มี วอลี
รหัสนักศึกษา 5410380321
ห้อง 3 เลขที่ 21
สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา
คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
วิชาการเว็บเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
อาจารย์ที่ปรึกษา
อ.ดนัยศักดิ์ กาโร
ชาวเลจะใช้ไม้ทองหลางและไม้ระกำเป็นส่วนประกอบของเรือพิธี ส่วนชาวเลสิงห์จะใช้ไม้สักหินและต้นกล้วยเป็นส่วนประกอบของเรือพิธีชาวเลใช้ไม้ทองหลางเป็นโครงแกนของท้องเรือพิธี หัวเรือ ท้ายเรือและจังกูดมีความยาว ๕ – ๗ เมตร ใช้ไม้ระกำต่อเป็นตัวเรือกว้างประมาณ ๑ เมตร ความสูงระหว่างท้องเรือถึงกราบขอบเรือประมาณ ๗๐ ซม. ติดเสากระโดงเรือด้วยไม้ขนาดนิ้วหัวแม่มือ ๓ เสา สูงประมาณ ๒ เมตร
มีผ้าขาวเป็นใบเรือชาวเลชายจะไปตัดไม้เพื่อประกอบเป็นเรือพิธีและไม้กายู่ฮาดั๊กในช่วงตอนเช้าของวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ และเดือน ๑๑ ช่วยกันแบบหามหรือบรรทุกเรือมากองไว้นอกหมู่บ้าน
ใกล้เที่ยงจึงกันตัดถากและกลึงเกลาไม้ทองหลางให้เป็นโครงแกนท้องเรือ หัวเรือ ท้ายเรือและจังกูด “และที่สำคัญคือการแกะสลักเป็นรูปคนสูงประมาณ ๘ นิ้ว จำนวน ๑๒ ตัวไว้เป็นฝีพายประจำเรือ พายไปสู่เมืองออกและเมืองพลัด” (กนก ชูลักษณ์ ๒๕๒๒ : ๙๑) เศษไม้ทองหลางที่เหลือจะแกะเป็นเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวัน เช่น มีด จวัก หม้อ เตา ตะกร้า เป็นต้น ไม้ระกำที่ตัดมาเป็นทางยาวทางละ ๔ – ๖ เมตร จำนวนไม่ต่ำกว่า ๕๐ ทาง ชาวเลจะช่วยกันปอกลอกเอาเปลือกนอกทิ้ง ใช้ไส้ในไปประกอบเป็นลำเรือ ผูกไว้เป็นมัด ๆ เหลาไม้ไผ่เป็นซี่แทนตะปู เตรียมก้อนหินไว้ตอกแทนค้อน มีมีดพร้าและขวานไว้ตัดไม้ให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ
ในช่วงตอนเย็นเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. ชาวเลทั้งหญิงชายป่าวร้องให้คนไปช่วยกันขนวัสดุที่จะประกอบเป็นเรือพิธีซึ่งกองอยู่นอกหมู่บ้านแห่เข้ามาในบริเวณพิธีกลางหมู่บ้าน หน้าขบวนแห่มีดนตรีพื้นเมืองนำหน้า เครื่องดนตรีเช่น รำมะนา ฆ้อง ฉิ่ง บรรเลงเป็นจังหวะให้ชาวเลรำเดินหน้าขบวนแห่ได้ ขบวนจะแห่ไปตามชายหาดจากที่กองไม้ไปจนใกล้หลาโต๊ะตามี่แล้วตั้งขบวนแห่เข้าหมู่บ้านจนถึงบริเวณพิธี ชาวเลชายช่วยกันตั้งโครงแกนท้องเรือ ใช้ไส้ไม้ระกำทั้งทางต่อประกอบเป็นลำเรือ ทุกคนตั้งใจต่อเรือกันอย่างจริงจังให้เรือพิธีเสร็จก่อนฟ้าสาง แต่เรือมักจะเสร็จก่อนพิธีลอยเรือหลายชั่วโมงชาวเลจะใช้เวลาประกอบเป็นเรือพิธีประมาณ ๘ ชั่วโมงส่วนชาวเลสิงห์จะใช้ต้นกล้วยทั้งต้นเป็นโครงแกนท้องเรือ ใช้ไม้สักหินขนาดหัวแม่มือเป็นแกนยึดต้นกล้วยไว้ด้วยกัน กราบข้างเรือจะใช้กาบกล้วยแทนกระดาษขนาบไว้ด้วยไม้สักหิน ผูกด้วยหวายนาท้ายเรือรูปทรงคล้ายเรือสำเภา หัวเรือทำด้วยก้านเครือกล้วยทั้งท่อน ความยาวของเรือพิธีจากหัวเรือจดท้ายเรือยาวประมาณ ๓ เมตร กว้าง ๑.๕๐ เมตร สูง ๑.๓๐ เมตร เมื่อติดตั้งเสากระโดงจะสูงเป็น ๒ เมตร
มืดวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และเดือน ๑๑ สิ่งของที่แต่ละครอบครัวจะเอาไปใส่ในเรือพิธีคือ ไส้ไม้ระกำที่แกะเป็นตุ๊กตาแทนคนในครอบครัวจำนวนเท่าสมาชิกในครัวเรือน เล็บ ผมและข้าวตอก ก่อนจะซัดข้าวตอกใส่เรือ ชาวเลจะกำข้าวตอกลูบไล้ตามตัวตั้งแต่หัวจดเท้าประดุจให้ข้าวตอกเอาความชั่วร้ายออกจากร่างไปสู่ข้าวตอกแล้วจึงซัดใส่เรือพิธีโต๊ะหมอมาสวดคาถาที่ท้ายเรือ
เวลา ๖.๐๐ น. ชาวเลชายช่วยกันยกเรือพิธีแบกหามลงไปบรรทุกเรือหางยาวที่เตรียมไว้นำไปลอยเรือพิธีที่ทะเลลึกเป็นการกันไม่ให้ความชั่วร้ายในลำเรือพิธีนั้นย้อนกลับมาสู่หมู่บ้าน หากเรือพิธีย้อนกลับเข้าสู่หมู่บ้าน พวกชาวเลจะต้องเริ่มทำพิธีกันใหม่ การลอยเรือลงทะเลจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนชาวเลสิงห์จะเอาเสื้อผ้าเก่า ๆ ตุ๊กตากาบกล้วยแทนคนในครอบครัวจำนวนเท่าสมาชิกในครัวเรือนและกระทงน้ำไปใส่ไว้ในเรือพิธีตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. ของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ และเดือน ๑๑ เมื่อชาวเลสิงห์ทำพิธีที่หลาเรียบร้อยแล้วก็จะมาร่วมประกอบพิธีที่เรือพิธี ชาวเลสิงห์ถือจานใส่ข้าวสารซึ่งย้อมสีเป็นสีต่าง ๆ เช่น เหลือง แดง เขียว ฟ้า ส้ม เป็นต้นพร้อมด้วยด้ายสีแดงมามอบให้โต๊ะหมอสวดคาถาใสจานให้แล้วจึงเอาด้ายไปผูกข้อมือให้กับสมาชิกในครอบครัว และเอาข้าวสารที่ประกอบพิธีนี้ ห้ามคนเดินผ่านหัวเรือ โต๊ะหมอเดินวนรอบเรือวนซ้าย ๓ รอบ รอบสุดท้ายจะเปล่งเสียงนำโห่ทิศละลา ชาวเลสิงห์จะซัดข้าวสารที่เหลือใส่เรือพิธี รอสัญญาณจากโต๊ะหมอแล้วยกเรือพิธีไปบรรทุกเรือหางยาวไปลอยกลางทะเลลึกดุจเดียวกับกลุ่มชาวบ้านแหลมตุ๊กแกแต่มีข้อห้ามบอกต่อ ๆ กันว่า เมื่อส่งเรือลงน้ำแล้วจะหันกลับไปดูอีกไม่ได้ ( phuketmeedee , 2554 )